Friday, March 1, 2013

อุตสาหกรรม เลว..จริงหรือ?

ภาพจาก: luna17activist.blogspot.com
โลกยังไม่ถึงจุดจบ ..นั่นหมายถึงทุกอย่างยังคงออกแบบได้ด้วยสติปัญญาเสมอ.

"คุณภาพชีวิตผู้ใช้แรงงาน" เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ต้องคิดในเมื่อเราปรารถนาแนวทางมนุษยนิยม     เรื่องราวในอดีตเกี่ยวกับการเอารัดเอาเปรียบกันนั้น เป็นที่มาของการที่ผู้คนจำนวนมากตกลงใจที่จะโทษว่าระบอบอุตสาหกรรมนั้น 'เอาดีไม่ได้'
มันจริงดังนั้นหรือ..?
 หากเราไม่มองเฉพาะการที่ผู้คนต้องออกจากครอบครัวไปทำงาน กลไกหนึ่งแห่งอารยธรรมมนุษย์ยุคปัจจุบันที่เรียกว่า 'อุตสาหกรรม' นี้ เกี่ยวพันหรือนำอะไรมาให้เราบ้าง?

  1. โรงเรียน - ที่หลายคนอาจมองว่า การศึกษาของมนุษย์ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมด้านอุตสาหกรรมก็ได้ นั่นเป็นความจริง..ส่วนหนึ่ง. เพราะอันที่จริงเราต้องลงไปที่รายละเอียดของความคิดเห็นเช่นนั้น ว่า.. เรื่องราวใดบ้างแห่งความรู้แจ้งที่เราเลือกจะสั่งสอนคนของเราในแต่ละอารยธรรมชนชาติ. โดยเฉพาะสาขาที่หลายฝ่ายทำใจโยนทิ้งไม่ไหวนักอย่าง "วิทยาศาสตร์" ..ซึ่งปัจจุบันมีบทบาทมากต่อชีวิตของผู้คนผ่านบริบทของอุตสาหกรรม. เรื่องหลักที่เราต้องเรียนรู้กันจริง ๆ คือการอยู่ร่วมกันแบบมีเมตตาธรรม ไม่เอาเปรียบใคร ไม่เบียดเบียนใคร. การศึกษาดั้งเดิมของอารยธรรมส่วนใหญ่อยู่ที่ "ศาสนา" ซึ่งเป็นเรื่องภายใน ..และการศึกษาของโลกที่เป็นเรื่องภายนอกนั้น บริบทล้วนต่างกันไปในแต่ละอารยธรรม บั้นปลายแล้วคงเป็นการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข เราปฏิเสธไม่ได้ว่าโรงเรียนเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของผู้คนไปแล้ว ไม่ว่าการศึกษานั้นจะจัดขึ้นที่ไหนก็ตาม แม้แต่ในบ้าน. และวิทยาศาสตร์ยังมีบทบาทต่ออารยธรรมดาวเคราะห์นี้ไปอีกนาน
  2. สุขภาพและการพยาบาล - ความเจ็บป่วยนั้นเป็นของคู่กันกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ การมีเทคโนโลยีทางการแพทย์นั้นเป็นพัฒนาการที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมและการวิจัยอย่างตรงไปตรงมา การมีโรงพยาบาลและสถานพยาบาลขนาดต่าง ๆ ล้วนต้องการการสนับสนุนทางเวชภัณฑ์มากมายตลอดเวลา ควบคู่ไปกับการให้การศึกษาสมัยใหม่แก่ประชากร เพื่อให้พวกเขาสามารถดูแลชีวิตตัวเองได้ ..มนุษย์ยุคก่อนนั้นก็มีเทคโนโลยีทางการแพทย์และพยาบาลเช่นกัน และหลายสาขาที่ตกทอดมาก็ยังคงใช้ได้มีประสิทธิภาพที่สูง แต่อีกบริบทหนึ่งก็มีเรื่องของการเอารัดเอาเปรียบกันในสังคมเหมือนกัน ไม่ว่าจะยุคสมัยใด ดูเหมือนเรายังคงต้องจัดการที่ความคิดความอ่านของ "คน" เป็นหลักอยู่นั่นเอง.
  3. อาหารและเกษตรกรรม - ส่วนนี้หลายฝ่ายเห็นพ้องกันว่า โลกไม่ต้องมีโรงงานอุตสาหกรรมก็ได้ถ้าทุกครอบครัวทำการเกษตรในครัวเรือนกัน เพราะที่สุดของการเป็นสิ่งมีชีวิตคือเรื่อง "อาหาร". เป็นชีวิตแบบอุดมคติทางเดียวที่จะล้มล้างระบอบอุตสาหกรรมได้จริง แต่เราก็รู้ว่ามนุษย์ไม่ได้คิดแบบนี้ทุกคน. ถ้าเราศึกษาย้อนไปในประวัติศาสตร์ เราจะพบว่าจุดเริ่มต้นของการควบคุมปริมาณและคุณภาพของอาหารนั้นล้วนสัมพันธ์กับคุณสมบัติทางนิเวศน์วิทยาของแต่ละท้องถิ่นอย่างปัจเจก แต่ปัจจัยที่เหนือกว่านั้นคือการเอารัดเอาเปรียบกันของคน (อีกแล้ว)
ทั้ง 3 ตัวอย่างนั้นล้วนพัฒนาไปตามเวลา และหลายเหตุการณ์เกี่ยวกับมันก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่เกิดกับมนุษยชาติในระดับสากล เป็นตัวอย่างเพียงส่วนเล็ก ๆ เท่านั้นที่เกิดเกี่ยวพันกับระบอบอุตสาหกรรมของโลก เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า "วิทยาการ" มีบทบาทกับวิถีชีวิตมนุษย์อย่างมหาศาล และมันเป็นผลพลอยได้จากการวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม (ถ้าเราเลือกจะมองประโยชน์ที่เราได้รับ มากกว่าเรื่องเบื้องหลังในบางทิศทางที่เป็นบริบท corruption)

ตลอดบทความชิ้นนี้ ผู้อ่านคงสัมผัสได้อย่างไม่ยากถึงปัจจัยหลักที่เกือบกลายเป็น 'ปัจจัยล่องหน' อย่าง "การเอารัดเอาเปรียบกันของคน" ..ซึ่งเป็นเรื่องความเจตนาในเจตจำนงที่จะประหารเจตจำนง.

ตัวการของปัญหาจริง ๆ คือกิเลสตัณหาอย่างไม่สิ้นสุดของคนบางกลุ่มบางพวกในสังคมนี่เอง ที่ทำให้ไม่ว่าจะมีความคิดอันสร้างสรรค์ทางอารยธรรมใด ๆ ที่ปรากฏขึ้นมาใหม่ จะถูกทำลายความงามลงไปด้วยกิเลสตัณหาอันไม่สิ้นสุดของคนเราจนได้. ซึ่งถ้าเรามองอย่างเป็นธรรมเราจะพบว่า เรื่องที่ควรจัดการคือวิธีคิดและความเชื่อเกี่ยวกับความต้องการของมนุษย์นี่เองครับ


โลกยังไม่ถึงจุดจบ ..นั่นหมายถึงทุกอย่างยังคงออกแบบได้ด้วยสติปัญญาเสมอ.


.......

0 comments:

Post a Comment

..การแสดงความคิดเห็น..
โปรดเคารพสิทธิผู้อื่น..และ "ไม่ละเมิดพรบ.ICT".
(ผู้ละเมิดฯ จะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายระบุไว้สูงสุด)

- สามารถใช้ได้ทั้ง Google Profile, LiveJournal, Wordpress,
...TypePad, AIM, OpenID
- สามารถเลือก Name/URL เพื่อโพสท์ด้วยชื่อหรือนามแฝงได้ (URL เป็นตัวเลือกเสริม)
- หรือเลือก Anonymous หากท่านไม่ประสงค์จะออกนามครับ